งูเห่าเข้าไปหลบซ่อนใต้ท้องรถยนต์     

      เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนบ้าน ใกล้ๆบริษัทพีเอ็มจีฯ งูเห่าเลื้อยเข้าไปหลบซ่อนใต้ท้องรถยนต์ เจ้าของรถบอกว่าเห็นงูหลบบริเวณล้อหลังด้านในตรงบริเวณเบรค ท่ามกลางแดดร้อนของเดือนเมษายน เจ้าของรถถือไม้ เดินตากแดดวนรอบรถ อยู่เป็นชั่วโมง หลายครั้งที่เอาสายยางต่อก๊อกน้ำ ฉีดเข้าไปบริเวณล้อ ก็ไม่ปรากฎเห็นงูหนีออกมา งูยังคงหลบซ่อนอยู่ใต้ท้องรถยนต์เย็นสบาย ส่วนคนร้อนแทบขาดใจเพราะตากแดด เจ้าของรถหมดความอดทน ขับรถออกไปสัก 10 เมตร ถอยหน้า ถอยหลัง ก็ไม่มีงูหล่นลงมาให้เห็น ยิ่งสร้างความวิตกกังวลว่า ยังไงเสียก็จะต้องเห็นกับตาให้ได้ว่างูเห่ามันตายแล้ว หรือต้องเห็นกับตาว่างูมันหนีไปแล้ว ตราบใดที่ไม่เห็นด้วยตา ก็จะไม่ขับรถออกไปไหน หวาดระแวงถึงขนาดว่ากลัวงูมันจะหาทางเลี้อยแทรกเข้าไปในห้องโดยสาร ซึ่งความจริงๆแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เว้นไว้จะเปิดประตูรถอ้าไว้นานๆ ภรรยาเจ้าของรถมีไอเดียบรรเจิดว่าจะขับรถไปอัดฉีดเพื่อไล่งูออกมา เจ้าของรถก็ค้านว่ากลัวงูเห่ามันจะออกมากัดพนักงานอัดฉีดรถ ท่ามกลางความสับสนทางความคิด ความหวาดกลัวและความร้อน ทางบริษัทพีเอ็มจีจึงสงเคราะห์น้ำยาไล่งูให้เพื่อนบ้านไปประมาณ 1 ลิตร แต่วันนั้นทางบริษัทไม่มีเครื่องฉีดพ่น 
     

      เจ้าของรถนำน้ำยาสมุนไพรไล่งูใส่ในฟ๊อกกี้สำหรับฉีดพ่นเพื่อรีดเสื้อผ้า พ่นออกมา มันก็เป็นละอองฝอยละเอียดฟุ้งไปทั่ว บนถนนกลางแจ้งลมก็พัดละอองน้ำยาไล่งูที่ฉีดกระจายหายไป ซ้ำมองหางูก็ไม่เห็น ใต้ท้องรถมันดูยิ่งมืดไปหมด สายตามนุษย์ที่อยู่กลางแดดม่านตาก็จะหดเล็กลง พอมองเข้าไปใต้ท้องรถก็จะยิ่งมองไม่ชัด ก้มเข้าไปเพ่งมองใต้ท้องรถนานๆก็กลัวงูมันจะฉกกัดหน้าผากเอา


      การฉีดพ่นน้ำยาไล่งูที่ดีต้องมีแรงดันน้ำยาพอสมควร แบบปืนฉีดน้ำ ฉีดเข้าไปที่บริเวณหัวของงู จึงจะได้ผล หรือมิฉะนั้นก็จะต้องฉีดพ่นอัดไม่ให้กลิ่นน้ำยารั่วไหลเช่นฉีดเข้าไปใน โพรงดิน ในรูงูที่มีเนื้อที่จำกัด    แต่การใช้ฟ๊อกกี้ฉีดเป็นฝอยละอองเล็กปลิวไปตามลม มันแทบไม่ได้ผลเพราะไม่รู้ตำแหน่งที่งูหลบซ่อนอยู่ เจ้าของรถก็มีความเพียรพยายามมาก บีบฟ๊อกกี้ฉีดพ่นอยู่นาน จนกระทั่งงูเห่ายอมแพ้ ยอมเลื้อยออกมาอย่างเซื่องซึม เจ้าของรถจึงคว้าไม้ตีมันจนตาย ดังภาพที่ถ่ายมาให้ดูเป็นอุทาหรณ์ว่างูกับใต้ท้องรถยนต์เป็นเรื่องที่น่าวุ่นวายใจมากๆ