ปัญหาหนูตายบนฝ้า

      มีบ้านหลังหนึ่ง ความจริงบ้านหลังนี้แทบไม่มีปัญหาเรื่องหนูรบกวน อาจเป็นเพราะใกล้ๆกันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ จำพวกเนื้อตุ๋น หมูตุ๋น ฝูงหนูจึงเลือกที่จะไปชุมนุมอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวมากกว่า วันดีคืนดีก็มีงูเห่าตัวไม่ใหญ่นัก เลื้อยอย่างเร่งรีบตั้งอกตั้งใจผ่านบ้านหลังต่างๆ  เป้าหมายของมันคือมุ่งตรงไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียว เข้าใจว่าเป็นเพราะเรื่องกลิ่นที่ดึงดูดงูอีกเช่นกัน เพียงแต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นกลิ่นหนูหรือกลิ่นอาหารพวกเนื้อตุ๋น หมูตุ๋น กันแน่ ต่อมาเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวจึงได้พบว่า เมื่อเปิดฝ้าขึ้นดู ไม่ใช่งูเห่าแค่ตัวเดียว แต่มีงูเห่าซ่อนอยู่บนฝ้าอยู่ถึง 4 ตัวบรรดาสมาชิกในบ้านจึงช่วยกันไล่ ช่วยกันรุมตี

      กลับเข้ามาเรื่องบ้านหลังแรกที่ว่าแทบไม่มีปัญหาเรื่องหนู บ้านหลังนี้ ห้องชั้นล่างกว้างกว่า 10 เมตร ลึกคือยาวกว่า 20 เมตร สูงถึงฝ้าเพดานประมาณ 3.50 เมตร เรียกว่าห้องกว้างใหญ่และสูงมาก เพดานใช้ฝ้าแบบ T-Bar เจ้าของบ้านเล่าว่า นานๆครั้งจะได้ยินเสียงหนูวิ่งบนฝ้าเพียงแค่ ตัว-สองตัว และไม่เคยปรากฏว่ามีหนูลงมาวิ่งข้างล่างให้เห็นแต่อย่างใด จึงไม่เป็นปัญหาให้ต้องคิดไล่หนู แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อ เปิดพัดลมดูดอากาศ เตรียมพร้อมก่อนจะเปิดแอร์ ก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง หาที่มาของกลิ่นเท่าไรๆก็ไม่พบ หาเกือบทั้งวัน จึงเดาว่าจุดกำเนิดกลิ่นเน่าเหม็น ถ้าไม่อยู่บนฝ้า ก็น่าจะมาจากใต้บ้าน โดยผ่านรอยแยกเล็กๆของพื้น

      วันต่อมากลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงมากขึ้น เมื่อเปิดประตูบ้าน พบว่ามีแมลงวันตัวใหญ่ว่าแมลงวันบ้าน มันคือ แมลงวันหลังลาย  (Flesh fly) บินตามกลิ่นเข้ามาเพื่อหาซากเน่าเปื่อยเป็นที่วางไข่ ซึ่งปกติแล้วตามบ้านเรือนในตัวเมืองจะไม่ค่อยได้พบเห็นแมลงวันชนิดนี้ และเมื่อฝนตก ความชื้นในห้องสูงมากขึ้น ผสานไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงของซากหนู  คนในบ้านก็พากันเกิดอุปาทานหมู่คิดไปว่า พื้นห้องเหนียวและเปียกชื้นไปด้วยน้ำเหลือง 
      เวลาผ่านไป 2 วัน ก็เริ่มมั่นใจว่ามีหนูตายอยู่บนฝ้าแน่นอน ปัญหาคือฝ้าแบบ T-Bar แม้มันจะถูกออกแบบมาเพื่อให้บำรุงรักษาซ่อมแซมงานต่างๆเหนือช่องฝ้าได้ง่าย แต่สำหรับคนในบ้านที่ไม่ใช่ช่าง การเปิดฝ้า T-Bar กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะไม่มีบันไดที่สูงและมั่นคงพอที่จะเอาศีรษะโผล่ขึ้นไปดูเหนือฝ้า ห้องก็กว้างใหญ่มาก ไม่รู้จะเดาสุ่มเปิดดูตรงไหน ลองๆยืนบนเก้าอี้เอามือลองดันๆเปิดฝ้า ฝุ่นละออง รวมทั้งไรฝุ่นร่วงลงมาใส่ศีรษะเข้าหูเข้าตา ทำให้เกิดการคันไปทั่วตัว ก็ไม่รู้ว่าคนคิดค้นฝ้าแบบ T-Bar คิดประดิษฐ์ขึ้นมาได้อย่างไร ฝ้าประเภทนี้เมื่อผ่านไปหลายปีมีฝุ่นละอองสะสมมากขึ้น จะไม่เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้ เพราะแผ่นฝ้ามักปิดได้ไม่สนิท เกิดมีช่องเล็กๆ หรือวางไม่ลงสนิทเผยอตามขอบฝ้า เวลาลมพัดจากนอกบ้านแรงๆพัดจนแผ่นฝ้าเผยอขึ้นก็มี ถ้าทิศทางลมพัดสอดผ่านช่องว่างหลังคา ก็จะพัดเอาฝุ่นละอองรวมทั้งตัวไรตกลงมาใส่ที่นอน ตกใส่อาหารที่วางเอาไว้ เวลากลางคืนนอนบนที่นอนเกิดอาการคันเกาตลอดคืนจนนอนไม่หลับ บ้านยิ่งเก่า อาการคันยิ่งรุนแรง ย้ายบ้านไปนอนที่อื่นอาการจะหายไป

      ปัญหาหนูตายบนฝ้า ถ้าไม่เก็บซากหนูออกไปทิ้ง ก็จะต้องอดทน 4 วัน ไม่เกิน 5 วัน กลิ่นเน่าเหม็นจึงจะจางลง จนใกล้สภาพปกติ นี่เป็นสูตรตายตัว จำเอาไว้ 4 วัน ไม่เกิน 5 วัน อดทนเอา แน่นอนว่าบนฝ้าที่มีซากหนูที่เริ่มจะสลายตัว ถ้ามีแมลงหวี่ แมลงวันไปวางไข่บนซากหนู ก็จะมีหนอนตกลงมาจากฝ้าเป็นรางวัลชีวิต เท่าที่ทราบเจ้าของบ้านหลังนี้เลือกเอาวิธีไม่เก็บซากหนู แต่ใช้วิธีซื้อถ่านไม้สำหรับหุงข้าวมา 1 ถุงใหญ่ขว้างถ่านไม้สะเปะสะปะไปบนฝ้าจนหมดถุง เผื่อว่าถ่านไม้จะช่วยดูดซับกลิ่นเน่าของหนูได้บ้าง ประมาณ 1 สัปดาห์ต่อมาจึงเห็นตำแหน่งที่แน่ชัดว่าหนูตายอยู่ตรงไหน เพราะ ฝ้า T-Bar แสนสวย มีคราบน้ำเหลืองของหนูซึมลงมาให้เห็น ดังภาพที่นำมาแสดงข้างล่างนี้ จะเห็นเป็นดวงๆสีน้ำตาล 2 ดวง ใกล้หลอดไฟ เหนือโต๊ะกินข้าวพอดิบพอดี

ทำไมหนูจึงมาตายบนฝ้า?

สาเหตุมีได้หลายอย่าง
1)  หนูหมดอายุขัยแก่ตาย ปกติหนูบ้านจะมีอายุขัยไม่เกิน 2 ปี เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ตาย เป็นธรรมดา
2)  หนูอ่อนแอ  หรือหนูป่วยตายก่อนอายุขัย โรคภัยไข้เจ็บ กัดกัน ฆ่ากันเพราะแย่งที่อยู่อาศัย-แย่งอาหาร
3)  หนูถูกวางยาเบื่อจากที่อื่น แต่มาตายบนฝ้าบ้านเรา
4)  หนูถูกไฟช๊อตตาย
5) ... อื่นๆ อีกมากมายหลายสาเหตุ

สรุปก็คือ แม้บนฝ้าจะได้ยินเสียงหนูวิ่งเพียงแค่ 1-2 ตัว ก็ควรหาทางกำจัดหรือไล่มันไป จะทำด้วยการวางกาว ใช้กรงดัก หรือพ่นน้ำยาไล่หนู ทำก่อนที่ปัญหาหนูตายบนฝ้าจะเกิดขึ้น

ด้วยความปรารถนาดี.