บริการไล่หนู, บริการกำจัดหนู โดยใช้สมุนไพรแท้ บริษัทพีเอ็มจี เซ็นเตอร์ เซอร์วิส จำกัด

บริษัทพีเอ็มจีฯ ใช้สมุนไพรไล่หนูอยู่หลายสูตร แต่ก็จำเป็นที่จะต้องหาสูตรสมุนไพรที่ดีกว่าต่อไป
บริษัทพีเอ็มจีฯ จึงให้ทีมวิจัยภายนอกบริษัทซึ่งจำหน่ายน้ำยาให้กับพีเอ็มจีฯ ทดลองทั้งในกล่องกระจก, ในกรงหนู, และในสถานที่จริงๆที่หนูอาละวาด เพราะถ้าทดลองใช้ในกล่อง ใช้ในพื้นที่จำกัด บางทีผลการทดลองอาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นได้

ได้ข่าวว่ามีผู้นำพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง นำมาสกัดได้ออกมาเป็นสารที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง และวางจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกในการไล่หนู  ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิต เราจึงขอเรียกสารสมุนไพรนี้ว่า "สารสมุนไพรเอ็กซ์"

เมื่อเราทดลองนำ"สารสมุนไพรเอ็กซ์" ที่กล่าวข้างต้นมาใช้ในสถานที่จริง ที่มีฝูงหนูอาละวาดรุนแรง ผลเป็นเช่นนี้ . . .
ตอนค่ำเราวางสาลีก้อนกลม ชุบด้วย"สารสมุนไพรเอ็กซ์"ที่เปียกชุ่มและมีกลิ่นรุนแรง
ผลตอนเช้าตรู่หนูกัดและฉีกสำลีชุบ"สารสมุนไพรเอ็กซ์"อย่างบ้าคลั่ง . . .

นี่ขนาดแค่คืนแรก และคืนเดียว
จากการทดลองเราพบว่า "สารสมุนไพรเอ็กซ์" มันไม่ได้ผล ซึ่งบริษัทพีเอ็มจีฯก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมผลิตภัณฑ์ที่ถึงขั้นนำออกมาจำหน่าย อย่างน้อยมันน่าจะต้องได้ผลบ้าง
เราจึงทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก ทดลองเปลี่ยนทั้งสถานที่ เปลี่ยนชนิดสายพันธุ์ของหนู ทดลองอยู่นาน ในที่สุดเราก็เข้าใจ
จริงๆแล้ว"สารสมุนไพรเอ็กซ์"มันใช้ได้ผล ... แต่ไม่ใช่กับหนูทั้งหมด

จึงอยากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้
เราเคยมีความเชื่อว่าลิงเกลียดกะปิ(shrimp sauce หรือ shrimp paste) โดยมีผู้ทดลองเอากะปิทาที่มือลิง มันจะเอามือเช็ดถูกับทุกสิ่งรอบๆตัว ถูๆๆ จนผิวหนังเปิด เลือดออก ถ้าเอากะปิป้ายที่ขนลิง มันจะรังเกียจถึงขนาดถอนขนตัวเองทิ้ง โดยไม่สนใจความเจ็บปวด . . . ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ?

ภายหลังเราจึงได้รู้ว่าลิงที่มีถิ่นอาศัยห่างไกลจากทะเล เช่นลิงแถบภาคเหนือและภาคอีสานส่วนใหญ่จะรังเกียจกลิ่นกะปิ
แต่ลิงที่มีถิ่นอาศัยอยู่ใกล้ทะเล คุ้นเคยกับ กลิ่นกุ้ง กลิ่นปลา กลิ่น"กุ้งเคย"(Krill) ลิงประเภทนี้กลับไม่กลัวกะปิ แถมพวกมันยังกินกะปิอย่างเอร็ดอร่อยด้วยซ้ำไป
ใครที่คิดจะเอากะปิไปทาเพื่อป้องกันขับไล่ลิงก็ต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อน

เราเคยได้ยินได้ฟังมาว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง สถานที่ตรงไหนที่เราไม่อยากให้ทหารญี่ปุ่นเข้ามาวุ่นวาย ไม่อยากให้มาอยู่นานๆ คนไทยบางคนจะเอาไหปลาร้าไปทุบ  เอาปลาร้าไปราดทิ้งไว้ เพราะทหารญี่ปุ่นสมัยนั้นรังเกียจกลิ่นปลาร้า แต่คนไทยมากมายกลับชอบกลิ่นปลาร้าว่า หอมดีทำให้เจริญอาหาร ว่าเข้าไปนั่น
นี่ขนาดคนนะ ยังชอบต่างกัน เกลียดต่างกัน

หนู ก็มีกระบวนการเรียนรู้ จดจำ และปรับตัว

ดังนั้นการที่ใช้กับลิงกลุ่มหนึ่ง ,กับ หนูกลุ่มหนึ่ง, หรือ กับมนุษย์กลุ่มหนึ่ง แล้วได้ผล มันก็อาจไม่ได้ผลไปทั้งหมดก็เป็นได้ สัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ล้วนมีกระบวนการเรียนรู้ และ ปรับตัว  . . . หนู ก็เช่นกัน

จากการทดลอง หลายครั้งที่เรารู้สึกยินดีที่พบว่าพวกหนูทนไม่ได้ และถอยหนีไป บางทีหนูหายไป 10 วัน 15 วัน จนเราคิดว่านี่คือการค้นพบที่ประสบความสำเร็จ แต่หลายครั้งที่เราพบว่า มันเป็นแค่การเริ่มต้นต่อสู้กับสัตว์จำพวกนี้เท่านั้น ในไม่ช้าพวกมันจะปรับตัว ไม่กลัวและเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ ไล่แบบเดิมเท่าไรก็ไม่ไป อย่างที่เรียกตลกๆว่า "หนูทนได้" จนบางครั้งหลายคนอาจรู้สึกท้อใจ

อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ย่อมมีจุดอ่อน ท่ามกลางความยาก เรายังมีความหวัง เพราะในการทดลองในห้องปฏิบัติการ เราพบว่าโมเลกุลเล็กๆจากสมุนไพรบางตัว มีผลกระทบโดยตรงกับระบบภายในร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเช่นหนู กระทบชนิดที่ว่าถึงขนาดหนูตัวโตๆแข็งแรงที่สุดในฝูงคลานศอกและตัวสั่นเทา คืบคลานหนีอย่างน่าสงสาร แต่ไม่ทำให้มันตาย แบบนี้เรียกว่าสมุนไพรที่มีผลโดยตรงต่อระบบของร่างกาย หนูจำเป็นต้องหนี เป็นการบังคับให้หนี ถ้าไม่หนีมันจะทรมานจนตายในไม่ช้า แบบนี้หนูจะไม่สามารถปรับตัวให้ทนได้ ถ้าจะถามว่าแล้วจะมีผลกระทบต่อมนุษย์หรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ๆกว่าหนูมากๆ และมันเป็นสมุนไพรที่ไม่เป็นพิษ

การไล่หนูโดยตั้งความหวังว่า "หนูมันไม่ชอบ" "หนูมันทนไม่ได้" แล้วพวกมันจะหนีไป การตั้งความหวังไล่หนูด้วยวิธีแบบนี้ ระยะแรกๆจะได้ผลดีเสมอ แต่หนูจะเรียนรู้ จดจำและปรับตัวได้ในไม่ช้า ไม่น่าจะเกินหนึ่งเดือน แล้วพวกมันจะกลับมาอีก สิ่งที่ใช้ไล่จะไม่ได้ผลอีกต่อไป.

นี่คือความจริง . . .